วันจันทร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ข้อสอบปลายภาค


ข้อสอบปลายภาค

                คำสั่งข้อสอบมีทั้งหมด 7 ข้อ ให้นักเรียนทำทุกข้อ ห้ามลอกกันเขียนคำตอบโดยใช้สำนวนเหมือนกันถือว่ามิใช่ความคิดของนักศึกษาเอง ปรับให้ตกทั้งคู่ ข้อละ 10 คะแนน

1.             กฎหมายทั่วไปกับกฎหมายการศึกษา มีที่มาความเหมือนหรือต่างกันอย่างไร อธิบายพร้อมยกตัวอย่างประกอบอย่างย่อๆ ให้ได้ใจความพอเข้าใจ

ตอบ กฎหมาย คือ คำสั่งหรือข้อบังคับที่เกิดจากรัฎฐาธิปไตย์ จากคณะบุคคลที่มีอำนาจสูงสุดของรัฐ เป็นข้อบังคับใช้กับคนทุกคน ที่อยู่ในรัฐหรือประเทศนั้นๆ จะต้องปฏิบัติตามและมีสภาพบังคับที่มีการกำหนดบทลงโทษ

กฎหมายการศึกษา คือ กฎหมายการศึกษา คือ บทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับกฎหรือคำสั่งหรือข้อบังคับของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาที่สถาบัน หน่วยงานผู้มีอำนาจ ได้ตราขึ้นและมีผลบังคับใช้

     จะเห็นได้ ที่มาและการบังคับใช้ของกฎหมายทั่วไปกับกฎหมายการศึกษาจะแตกต่างกัน ซึ่งจะแตกต่างกันตรงที่ กำหมายทั่วไปนั้นจะเกิดจากรัฏฐาธิปไตย์ ซึ่งจะบังคับกับประชาชนทุกคน ส่วนกฎหมายการศึกษา ที่มาจะมาจากหน่วยงานผู้มีอำนาจ ได้ตราขึ้นและมีผลบังคับใช้

ซึ่งเป็นการบังคับใช้เกี่ยวกับการศึกษาโดยตรง

 

2.             รัฐธรรมนูญที่ว่าด้วยการศึกษา มีสาระหลักที่สำคัญอย่างไร ในประเด็นอะไรบ้างที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา ยกตัวอย่างประกอบพอเข้าใจ (รัฐธรรมนูญตั้งแต่ฉบับแรกจนถึงปัจจุบัน พ.ศ. 2550)

ตอบ  รัฐธรรมนูญที่ว่าด้วยการศึกษา มีสาระหลักที่สำคัญ คือ เกี่ยวกับสิทธิ และหน้าที่เสรีภาพ การศึกษาอบรม ให้กับ เด็กและเยาวชนให้เป็นผู้มีความสมบรูณ์ทั้งทางร่างกายจิตใจ สติปัญญา คุณธรรมจริยธรรม ในการจัดการศึกษา รัฐจะต้องจัดการศึกษาและสนับสนุนให้เอกชนจัดการศึกษาอบรมให้เกิดความรู้ คู่คุณธรรมเช่นกัน และจัดการศึกษาภาคบังคับให้เข้ารับการศึกษาอบรมโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย ยกตัวอย่างเช่น

         รัฐธรรมนูญแห่งราชอาญาจักรไทย พุทธศักราช 2489

หมวด 2 สิทธิและหน้าที่ของชนชาวไทย  มาตรา 14 ภายในบังคับ แห่งกฎหมายบุคคลย่อมมีเสรีภาพบริบูรณ์ภายใน ร่างกายเคหสถาน ทรัพย์สิน การพูด การเขียน การโฆษณา การศึกษาอบรม การชุมนุม สาธารณะ การตั้งสมาคม การตั้งคณะกรรมการพรรคการเมือง การอาชีพ ทั้งนี้ภายใต้บังคับแห่งบทกฎหมาย (ราชกิจจานุเบกษา, 2489, 327-328)

         รัฐธรรมนูญแห่งราชอาญาจักรไทย พุทธศักราช 2490

หมวด 3 สิทธิและหน้าที่ของชนชาวไทย มาตรา 23 กล่าวว่าบุคคลย่อมมีเสรีภาพบริบูรณ์ภายในร่างกายเคหสถาน ทรัพย์สิน การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา การศึกษาอบรม การชุมนุมสาธารณะ การตั้งสมาคม การอาชีพ ทั้งนี้ภายใต้บังคับแห่งตัวบทกฎหมาย (ราชกิจจานุเบกษา, 2490, 8)

      รัฐธรรมนูญแห่งราชอาญาจักรไทย พุทธศักราช 2492

           หมวด3 สิทธิและเสรีภาพของชนชาวไทย
           มาตรา 36 บุคคลย่อมมีเสรีภาพบริบูรณ์ในการศึกษาอบรม เมื่อการศึกษาอบรมนั้นไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อหน้าที่ของพลเมืองตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาอบรมและไม่ขัดต่อกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรสถานศึกษา สถานศึกษาของรัฐและของเทศบาล ต้องให้ความเสมอภาคแก่บุคคลในการเข้ารับการศึกษาอบรมตามความสามารถของบุคคลนั้นๆ
           หมวด 4 หน้าที่ของชนชาวไทย
           มาตรา 53 บุคคลมีหน้าที่รับการศึกษาอบรมชั้นประถมศึกษา ภายในเงื่อนไขและวิธีการที่กฎหมายบัญญัติ
            หมวด 5 แนวนโยบายแห่งรัฐ ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา
            มาตรา 62 การศึกษาอบรมพึงมีจุดประสงค์ที่ให้ชนชาวไทยเป็นพลเมืองดี มีร่างกายแข็งแรงและอนามัยสมบูรณ์ มีความรู้ความสามารถที่จะประกอบอาชีพ และมีจิตใจเป็นนักประชาธิปไตย
             มาตรา 63 รัฐพึงส่งเสริมและบำรุงการศึกษาอบรม การจัดระบบการศึกษาอบรมเป็นหน้าที่ของรัฐโดยเฉพาะสถานศึกษาทั้งปวงย่อมอยู่ภายในการควบคุมดูแลของรัฐ การศึกษาอบรมชั้นอุดมศึกษา รัฐพึงจัดการให้สถานศึกษาดำเนินกิจการของตนเองได้ภายในขอบเขตที่กฎหมายบัญญัติ

             มาตรา 64 การศึกษาอบรมชั้นประถมศึกษาในสถานศึกษาของรัฐและของเทศบาล จะต้องจัดให้โดยไม่เก็บค่าเล่าเรียน รัฐพึงช่วยเหลือให้มีอุปกรณ์การศึกษาอบรมตามสมควร
              มาตรา 65 รัฐพึงสนับสนุนการค้นคว้าในทางศิลปะศาสตร์และวิทยาศาสตร์

3.             พระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับ มีกี่มาตรา และมีความสำคัญอย่างไร และประเด็นหรือมาตราใดที่ผู้ปกครองต้องปฏิบัติและต้องยึดถือปฏิบัติ

ตอบ พระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับ มี ๒๐ มาตรา มีความสำคัญ คือ โดยที่กฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติได้กำหนดให้บิดา  มารดา  หรือผู้ปกครองมีหน้าที่จัดให้บุตรหรือบุคคลซึ่งอยู่ในความดูแลได้รับการศึกษาภาคบังคับจำนวนเก้าปี                                   

 ประเด็นหรือมาตราใดที่ผู้ปกครองต้องปฏิบัติและต้องยึดถือปฏิบัติ

มาตรา  6  ให้ผู้ปกครองส่งเด็กเข้าเรียนในสถานศึกษา

                                เมื่อผู้ปกครองร้องขอ  ให้สถานศึกษามีอำนาจผ่อนผันให้เด็กเข้าเรียนก่อนหรือหลังอายุตามเกณฑ์การศึกษาภาคบังคับได้  ทั้งนี้  ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนด

 

 

4.             ท่านเข้าใจว่า หากมีใครมาปฏิบัติการสอนในโรงเรียนที่เปิดการสอนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน กรณีสอนทั้งปีที่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพครูนั้น สามารถปฏิบัติการสอนได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้มีความผิดหรือบทกำหนดโทษอย่างไร ถ้าได้จะต้องกระทำอย่างไรมิให้ผิด ตามพระราชบัญญัตินี้

ตอบ ถ้าไม่มีใบประกอบวิชชาชีพก็ไม่สามารถปฏิบัติการสอนได้ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากคุรุสภา จะเห็นได้จากมาตรา ๔๖  กำหนดห้ามมิให้ผู้ใดแสดงด้วยวิธีใดๆ ให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนมีสิทธิ หรือพร้อมจะประกอบวิชาชีพ โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากคุรุสภา และห้ามมิให้สถานศึกษารับผู้ไม่ได้รับใบอนุญาตเข้าประกอบวิชาชีพควบคุมในสถานศึกษา เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากคุรุสภา และถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากคุรุสภา แต่มาสอนในโรงเรียนโดยที่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพ จะต้องถูกดำเนินการจำคุกไม่เกิน 1 ปีหรือปรับไม่เกิน 20,000บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

 

5.             สมบัติเป็นครูโรงเรียนแห่งหนึ่ง ได้ประพฤติผิดกระทำทารุณต่อเด็กหรือเยาวชน หากเราพิจารณาตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 จะต้องทำอย่างไร และมีบทลงโทษอย่างไร

ตอบ จะเห็นได้จาก มาตรา 26  ภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่งกฎหมายอื่น ไม่ว่าเด็กจะยินยอมหรือไม่  ห้ามมิให้ผู้ใด กระทำการดังต่อไปนี้

 (1) กระทำหรือละเว้นการกระทำอันเป็นการทารุณกรรมต่อร่างกายหรือจิตใจของเด็ก

                  (2) จงใจหรือละเลยไม่ให้สิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตหรือการรักษา

                       พยาบาลของเด็กที่อยู่ในความดูแลของตนจนน่าเกิดอันตรายแก่

                       ร่างกายหรือจิตใจของเด็ก

                 (3)  บังคับ ขู่เข็ญ ชักจูง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่

                       สมควรหรือน่าจะทำให้เด็กมีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการกระทำผิด

                 (4) โฆษณาทางสื่อมวลชนหรือเผยแพร่ด้วยประการใดเพื่อรับเด็ก

                       หรือยกเด็กให้แก่บุคคลอื่นที่มิใช่ญาติของเด็กเว้นแต่เป็นการ

                       กระทำของทางราชการหรือได้รับอนุญาติจากทางราชการแล้ว

                 (5) บังคับ ขู่เข็ญ ชักจูง ส่งเสริม ยินยอม หรือกระทำด้วยประการใด

                      ให้เด็กไปเป็นขอทาน เด็กเร่ร่อนหรือใช้เด็กเป็นเครื่องมือในการ

                      ขอทานหรือการกระทำผิด หรือกระทำด้วยประการใดอันเป็นการ

                      แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากเด็ก

                 (6) ใช้ จ้าง หรือวานให้เด็กทำงานหรือกระทำการอันอาจเป็นอันตราย

                      แก่ร่างกายหรือจิตใจมีผลกระทบต่อการเจริญเติบโต หรือขัดขวาง

                      ต่อการพัฒนาการของเด็ก

                 (7) บังคับ ขู่เข็ญ ชักจูง ยุยง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กเล่นกีฬาหรือ

                     ให้กระทำการใดเพื่อแสวงหาประโยชน์ทางการค้า อันมีลักษณะเป็น

                     การขัดขวางต่อการเจริญเติบโตหรือพัฒนาการของเด็ก หรือมี

                     ลักษณะเป็นการทารุณกรรมต่อเด็ก

                (8) ใช้หรือยินยอมให้เด็กเล่นการพนันไม่ว่าชนิดใดหรือเข้าไปในสถานที่

                     เล่นการพนัน สถานค้าประเวณี หรือสถานที่ห้ามมิให้เด็กเข้า

                (9) บังคับ ขู่เข็ญ ชักจูง ยุยง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กแสดงหรือ

                     กระทำการอันมีลักษณะลามกอนาจารไม่ว่าจะเป็นไปเพื่อให้ได้มาซึ่ง

                     ค่าตอบแทนหรือเพื่อการใด

และโทษของการกรำทำผิด คือ ผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

6.             ช่วงที่นักเรียนไปทดลองสอนที่โรงเรียนเทอม2 และในเทอมต่อไป นักเรียนเข้าไปทดลองสอนจริง นักศึกษาคิดว่าจะนำกฎหมายการศึกษาไปใช้โดยกำหนดคนละ 2 ประเด็นที่คิดว่าจะนำกฎหมาย ไปใช้ได้ พร้อมยกตัวอย่างประกอบ

                ตอบ มาตรา ๖  การจัดการศึกษาต้องเป็นไปเพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบรูณ์ทั้งร่างกาย
จิตใจ สติปัญญา ความรู้ และคุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดำรงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับ
ผู้อื่นได้อย่างมีความสุข


                จะจัดการศึกษาโดยให้นักเรียนเกิดความรู้ ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญาความรู้ พร้อมทั้งสอดแทรกคุณธรรม จริยธรรมไปด้วย

               มาตรา ๑๐ การจัดการศึกษา ต้องจัดให้บุคคลมีสิทธิและโอกาสเสมอกันในการรับการศึกษา
ขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่าสิบสองปีที่รัฐต้องจัดให้อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย
การจัดการศึกษาสำหรับบุคคลซึ่งมีความบกพร่องทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ สังคม
การสื่อสารและการเรียนรู้ หรือมีร่างกายพิการ หรือทุพพลภาพหรือบุคคลซึ่งไม่สามารถพึ่งตนเองได้
หรือไม่มีผู้ดูแลหรือด้อยโอกาส ต้องจัดให้บุคคลดังกล่าวมีสิทธิและโอกาสได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
เป็นพิเศษ


                จะจัดการศึกษา โดยให้ความเสมอภาค และไม่มีการแบ่งแยกเด็ก แต่อาจจะดูแลพิเศษเกี่ยวกับเด็กที่ร่างกายพิการ หรือทุพพลภาพ

7.             ให้นักเรียนสะท้อนความคิดการใช้ เว็บล็อก (weblog) ในการนำมาใช้จัดการเรียนการสอนวิชานี้ พอสังเขป

ตอบ เป็นวิชาที่ดีมาก สามารถให้เราได้ศึกษาความรู้ได้ตลอดเวลา ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัย เข้ากับยุค

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น